วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2568

ริว การเกร็งของกล้ามเนื้อ วิธีป้องกันและรักษาอย่างไรให้ไวที่สุด

อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ พ.ค. 3, 2018 ประมาณเวลาการอ่าน: 4 นาที
ตะคริว คือการหดและเกร็งตัวของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอย่างกระทันหัน พบมากที่สุดคือตะคริวกล้ามเนื้อขา ผู้ที่เคยมีประสบการณ์การเป็นตะคริวนั้นทราบดีถึงความเจ็บปวดเมื่อกล้ามเนื้อบีบตัวแน่นจนไม่สามารถขยับเขยือนขาได้เลย แม้จะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งการสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อไปเพียงไม่กี่อึดใจนี้น่ากลัวที่สุด หากเกิดขึ้นตอนที่ร่างกายต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ในขณะว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาโลดโผน ตะคริวจึงเป็นหนึ่งในภัยร้ายที่สามารถคร่าชีวิตเราได้รวดเร็วไม่แพ้โรคติดต่อชนิดอื่นๆเลย

5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดตะคริว

สาเหตุของการเป็นตะคริวยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนนัก จากการสำรวจพบว่าตะคริวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็เกิดขึ้นในขณะที่ออกกำลังกาย บ้างก็เกิดขึ้นในขณะที่นอนอยู่เฉยๆ และบางคนเป็นตะคริวติดต่อกันหลายครั้งมากในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ ทำให้หาคำสรุปจากการสำรวจได้ยาก แต่โดยคร่าวๆแล้วแพทย์ชี้ว่าการเป็นตะคริวมักมีความเกี่ยวเนื่องกับปัจจัยดังต่อไปนี้...
1. กล้ามเนื้อทำงานหนัก หรืออยู่ในท่าที่ผิดปกติ
ตะคริวกล้ามเนื้อขามักเกิดขึ้นหลังจากการออกกำลังกายเป็นเวลานาน ยืนบนพื้นที่แข็งมาก นั่งท่าเดิมนานๆ หรือนอนในลักษณะที่ขาไม่ได้เหยียดคลาย พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความล้ามากและเกร็งตัวในที่สุด
2. ร่างกายได้รับแร่ธาตุหรือน้ำที่ไม่เพียงพอ
ปัจจัยหนึ่งที่พบมากในผู้ที่เป็นตะคริวคือการขาดแร่ธาตุและน้ำในร่างกาย ซึ่งมักเกิดขึ้นกับสตรีมีครรภ์ เพราะแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น แคลเซียม และ แมกนีเซียม ถูกดึงไปใช้ในการพัฒนาการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ อีกทั้งการตั้งครรภ์นี้ยังกดกระเพาะปัสสาวะให้ต่ำลงกว่าปกติ ทำให้ปัสสาวะบ่อยครั้งมากและนำมาซึ่งการขาดน้ำ
3. สัมผัสกับความเย็นนานๆ
กล้ามเนื้อก็เหมือนกับผิวหนังของเรา เมื่อสัมผัสความเย็นจะทำให้หดตัวอย่างรวดเร็วจนรู้สึกแน่นและตึงได้ ส่วนใหญ่แล้วตะคริวมักจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสัมผัสอากาศหนาวมากหรือน้ำเย็นจัดเป็นเวลานาน
4. ปัญหาสุขภาพแทรกซ้อน
ปัญหาสุขภาพบางประเภทสามารถทำให้เกิดตะคริวได้ เช่น ปัญหาการหมุนเวียนเลือดต่างๆ โรคไต โรคไทรอยด์ และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
5. ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
การที่กล้ามเนื้อหดเกร็งอาจเป็นผลข้างเคียงมาจากการรับประทานยาบางกลุ่ม เช่น กลุ่มยาระงับอาการทางจิต ยาคุมกำเนิด ยาขับปัสสาวะ ยาสลายไขมันในเลือด และสเตอรอยด์

[caption id="" align="aligncenter" width="640"] เมสซี่เจ หลังช่วยกดเท้าติมอร์เลสเต ขณะเป็นตะคริว[/caption]

การรับมือกับตะคริว

นักกายภาพบำบัดและนักกีฬาหลายท่านได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับตะคริวไว้ดังนี้ ซึ่งเราสามารถเลือกปฏิบัติเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือผสมผสานเทคนิคเหล่านี้เข้าด้วยกันก็ได้

1. ยืดกล้ามเนื้อและนวด

ลักษณะการยืดกล้ามเนื้อนั้นขึ้นอยู่กับบริเวณที่เป็นตะคริว
ตะคริวที่ต้นขาด้านหน้า: ยืนหันหน้าเข้าหากำแพงหรือนอนคว่ำหน้าลงบนพื้น จากนั้นใช้มือพับขาข้างที่ปวดเข้าหาตัวจากทางด้านหลัง กล้ามเนื้อบริเวณหน้าขาจะรู้สึกตึง ยืดค้างไว้จนกว่าอาการปวดจะหาย
ตะคริวที่ต้นขาด้านหลัง: นอนหงายและเหยียดขาขึ้นในมุมตั้ง จากนั้นงอข้อเท้าเข้าหาตัว แล้วใช้มือดึงขาข้างที่ยกเข้าหาตัวให้มากที่สุดจนรู้สึกตึง ดึงค้างไว้จนกว่าอาการปวดจะหาย
ตะคริวที่น่อง: นั่งลงบนพื้นและเหยียดขาไปด้านหน้าให้ตรง จากนั้นใช้มืองอปลายเท้าเข้าหาตัวจนรู้สึกตึงที่บริเวณน่อง ควรทำค้างไว้จนกว่าจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อจะคลายตัวแล้ว
หลังจากที่อาการปวดทุเลาลงหรือหายไปแล้วให้นวดเบาๆเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวเร็วขึ้น
ในกรณีที่เป็นตะคริวในขณะว่ายน้ำ หากขาสามารถแตะพื้นสระน้ำได้ให้หยุดยืนและนวดกล้ามเนื้อ แต่หากอยู่ในตำแหน่งที่ลึก ให้หงายตัวขึ้นและลอยยู่ที่ผิวน้ำ จากนั้นยืดขาออกในลักษณะที่ไม่เกร็งมาก งอข้อเท้าเข้าหาตัว และทำค้างไว้จนหายดี

2. วิธีประคบร้อน และประคบเย็น

ประคบร้อน: ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหรือแผ่นประคบร้อนกดลงไปในบริเวณที่ปวด ความร้อนจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้เร็วขึ้น
ประคบเย็น: ใช้น้ำแข็งหรือแผ่นเจลแช่แข็งประคบไว้ในบริเวณที่ปวด โดยมีผ้าสะอาดขั้นระหว่างอุปกรณ์ประคบเย็นและผิวหนัง การประคบเย็นจะช่วยให้รู้สึกชาและบรรเทาอาการปวดลงได้จนกว่ากล้ามเนื้อจะคลายตัว

3. การรับมือตะคริวด้วยวิธีอื่นๆ

รับประทานยาแก้ปวด: โดยรับประทานตามที่ระบุไว้บนฉลาก หรือตามที่แพทย์จัดไว้ให้ในกรณีที่เป็นตะคริวบ่อยครั้งและได้เคยปรึกษาแพทย์แล้ว
ดื่มน้ำให้มาก: น้ำและเครื่องดื่มสำหรับการเล่นกีฬาก็สามารถคลายตะคริวได้ เนื่องจากมีส่วนประกอบของเกลือแร่

วิธีป้องกันการเป็นตะคริว

  • หมั่นยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนออกกำลังกาย และก่อนเข้านอน
  • ออกกำลังกายอย่างพอดี ไม่หักโหม
  • สวมใส่รองเท้าที่นุ่มและมีความยืดหยุ่นพอสมควร
  • รับประทานอาการที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุกลุ่ม แคลเซียม โพแทสเซียม และแมกนีเซียม
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • หากกำลังรับประทานยากลุ่มที่อาจทำให้เกิดตะคริวได้ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อขอรับยาขนิดอื่นแทน

ป้องกันตะคริวในหญิงตั้งครรภ์ช่วงใกล้คลอด

การเลือกกินอาหารอย่างถูกวิธีจะช่วยลด ตะคริวที่เกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงใกล้คลอด การป้องกันตะคริว นอกจากจะใช้วิธียืดเส้นยืดสายแล้ว "อาหาร" ยังจัดว่าเป็นส่วนป้องกันที่ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อในคุณแม่ใกล้คลอดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารสำคัญเพิ่มเข้าไปด้วยอย่างเพียงพอ

ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอ

คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีการสูญเสียน้ำได้ง่ายจากการปัสสาวะบ่อย เมื่อร่างกายรับน้ำไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เกิดตะคริวได้ง่าย หากเกิดขึ้นคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ใกล้คลอดด้วย ยิ่งทำให้ภาวะดังกล่าวรุนแรงมากกว่าปกติ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 7-10 แก้ว และหากไม่อยากให้ตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน ให้ดื่มน้ำในช่วงเช้าและบ่ายให้เพียงพอ ส่วนตอนเย็นใช้วิธีจิบเล็กน้อย จะได้ทำให้นอนหลับสบายตลอดคืน

เลือกกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง

คุณแม่ตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะทำให้แคลเซียมในร่างกายขาดแคลนได้ เนื่องจากร่างกายต้องนำแคลเซียมไปใช้ในการสร้างกระดูก และกล้ามเนื้อของลูกน้อยในครรภ์ เมื่อภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ก็เสี่ยงต่อการเป็นตะคริว ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงให้มากขึ้น ซึ่งพบได้มากใน บล็อคโคลี่, ถั่วพู, ผักใบเขียวเข้ม, ปลาตัวเล็กที่สามารถกินได้ทั้งกระดูก, นม, ถั่วเหลือง, งา, โยเกิร์ต และชีส เป็นต้น

กินอาหารให้มีความหลากหลาย

ในช่วงของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่ต้องการพลังงานจากอาหารมากขึ้นถึง 300 กิโลแคลอรี โดยอาหารที่เลือกกินควรให้มีความหลากหลาย ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการ และมีประโยชน์ต่อร่างกายหมุนเวียนกันไป แบบไม่ให้ซ้ำ จะช่วยลดการเกิดตะคริวในระหว่างตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ร้านยา บางบอน 5 เภสัช ร้านยาคุณภาพที่ร่วมโครงการฯ ผู้มีสิทธิบัตรทองเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ผู้มีสิทธิบัตรทองพื้นที่ใกล้เคียงสามารถรับบริการได้นะคะ




“30 บาทรักษาทุกที่” ดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ ที่ “ร้านยาคุณภาพ”


“ร้านยาคุณภาพ” โดยสภาเภสัชกรรมร่วมกับ สปสช. ดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ สำหรับประชาชนที่มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ)

ขั้นตอนการใช้สิทธิ

สังเกตป้าย“30 บาทรักษาทุกที่”หรือ “ร้านยาคุณภาพของฉันให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย” หรือดูรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมที่ https://media.nhso.go.th/30plus

  1. แจ้งเภสัชกรใช้บริการสิทธิบัตรทองเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ
  2. ใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนและตรวจสอบสิทธิ กรณีเด็กเล็กไม่มีบัตรประชาชนใช้สำเนาสูติบัตรคู่กับบัตรประชาชนของผู้ปกครองโดยจะต้องไปพร้อมผู้ปกครอง
  3. เภสัชกร ซักประวัติการเจ็บป่วยและคัดกรองอาการเบื้องต้นและการจ่ายยาจะอยู่ที่ดุลยพินิจของเภสัชกรพร้อมให้คำแนะนำการใช้ยา 
  4. เภสัชกรจะติดตามอาการของผู้ป่วยในวันที่ 3 หลังการจ่ายยาว่าอาการเป็นอย่างไร มีผลข้างเคียงหรือผิดปกติหรือไม่ หากอาการดีขึ้นถือว่าสิ้นสุดการดูแลของร้านยา

บริการนี้ช่วยให้ประชาชนรับบริการสุขภาพใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดความแออัดในโรงพยาบาล ตามหลักการ "30 บาทรักษาทุกที่" เจ็บป่วยเล็กน้อยเลือกได้ใกล้บ้าน

32 กลุ่มอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ประกอบด้วย

1.เวียนศีรษะ

2.ปวดหัว

3.ปวดข้อ/ปวดกล้ามเนื้อ

4.ปวดฟัน

5.ปวดประจำเดือน

6.ปวดท้อง

7.ท้องเสีย

8.ท้องผูก/ริดสีดวงทวาร

9.ปัสสาวะแสบขัด

10.ตกขาว

11.แผล

12.ผื่นผิวหนัง

13.อาการทางตา

14.อาการทางหู

15.ไข้ ไอ เจ็บคอ

16.ติดเชื้อโควิด

17.น้ำมูก คัดจมูก

18.มีแผลในปาก

19.ตุ่มน้ำใสที่ปาก

20.แผลน้ำร้อนลวกไม่รุนแรง

21.อาการคันผิวหนัง/ศีรษะ

22.อาการจากพยาธิ

23.อาการจากหิด เหา

24.ฝี หนองที่ผิวหนัง

25.อาการชา/เหน็บชา

26.อาการนอนไม่หลับ

27.เมารถ เมาเรือ

28.เบื่ออาหารโดยไม่มีโรคร่วม

29.คลื่นไส้ อาเจียน

30.อาการแพ้ยา/แพ้อาหารเล็กน้อย/แมลงกัดต่อย

31.อาการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่

32.เหงือกอักเสบ/มีกลิ่นปาก



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

1.สายด่วน สปสช. 1330

2.ช่องทางออนไลน์

#สปสช #30บาทรักษาทุกโรค #30บาทรักษาทุกที่ #สุขภาพดีเริ่มที่ใกล้บ้าน #สิทธิ30บาท #บัตร30บาท #NHSO #สายด่วน1330 #ใช้สิทธิบัตรทอง30บาทอย่างมั่นใจ #1330โทรปรึกษาได้ #จำง่ายๆ #1330โทรถามก่อนได้ #สิบสามสามศูนย์ #สุขภาพดีเลือกได้ใกล้บ้าน #ร้านยาคุณภาพ