วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ไมเกรน


ปวดหัวไมเกรน

ผู้ป่วยไมเกรนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มักเป็นในช่วงอายุ 10 ถึง 40 ปี และอาการมักหายไปในช่วงหลังจากอายุ 50 ปี โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
ไมเกรนเป็นความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับสมอง เส้นเลือดรอบๆสมอง และศีรษะ สมองอาจมีภาวะตอบสนองไวเกินต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงหรือกลิ่น โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีซึ่งจะไปรบกวนเส้นประสาทรับความรู้สึกปวดบริเวณศีรษะ ทำให้เส้นเลือดขยายตัวและปล่อยสารเคมีที่กระตุ้นเส้นประสาทออกมามากขึ้น ทั้งๆที่พันธุกรรมดูเหมือนมีส่วนในการเกิดไมเกรน แต่กลับมีการค้นพบสาเหตุทางพันธุกรรมที่ชัดเจนแค่เพียงชนิดเดียวของไมเกรนเท่านั้นซึ่งเป็นชนิดที่หายาก เรียกว่า แฟมิเลียล เฮมีเพลจิค ไมเกรน
ถึงแม้เราจะยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของการเกิดโรคไมเกรน  แต่เราก็ทราบดีว่าอะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดอาการของโรคได้ – คือพฤติกรรมและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มปวดศีรษะไมเกรน

ปัจจัยกระตุ้นไมเกรน

  1. ตัวกระตุ้นอันดับที่หนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน 2 ใน 3 ของผู้หญิงที่เป็นไมเกรนมักมีอาการปวดศีรษะในช่วงรอบเดือนไมเกรนในผู้หญิงมักมีอาการแย่ลงในช่วงเข้าวัยแรกรุ่น และมักจะหายไปหลังหมดประจำเดือน
  2. ความเครียด ความหิว
  3. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอนหลับ
  4. การเปลี่ยนแปลงความดันรอบตัว
  5. อาหาร เช่น แอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์แดงและเบียร์ บุหรี่ เนยแข็งที่มีอายุนานแล้ว ช็อกโกแลต อาหารหมักดอง ผงชูรส สารแอสพาร์เทม คาเฟอีน

อาการปวดศีรษะไมเกรน

มักจะเป็นรุนแรงและนานกว่าอาการปวดศีรษะจาก 'ความเครียด' ทั่วไป ลักษณะอาการปวด มักปวดเป็นบริเวณจำเพาะและมักจะปวดหนักรอบดวงตาเพียงข้างเดียว อาการปวดศีรษะที่รุนแรงและเป็นที่ศีรษะข้างเดียวนั้นมักจะมาจากโรคไมเกรน อาการปวดศีรษะไมเกรนมักสัมพันธ์กับอาการคลื่นไส้อาเจียน รวมทั้งภาวะไวเกินต่อแสงและเสียง อาการปวดมักจะแย่ลงเมื่อขยับตัวหรือเอียงตัวไปข้างหน้า เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปวดศีรษะไมเกรนมักจะนอนนิ่งๆในห้องที่มืดและเงียบ รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นทุกชนิดอีกด้วย

อาการเตือนก่อนที่จะเริ่มปวดศีรษะ

อาการเตือน หรือที่เรียกว่าออร่านั้น เป็นอาการทางสายตาที่รวมถึงการมองเห็นแสงวูบวับ มองเห็นเส้นที่มีสีสันสดใส หรือเห็นภาพซ้อนก่อนที่จะเริ่มปวดศีรษะ ในช่วงนั้นผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกอ่อนแรงหรือพูดช้าลง อาการเหล่านี้มักหายไปเองใน 15 ถึง 30 นาที ตามมาด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง และบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้อย่างรุนแรงร่วมด้วยได้

ปวดศีรษะไมเกรนกับปวดศีรษะจากการหยุดกินยา

ไม่ควรสับสนระหว่างอาการปวดศีรษะไมเกรนกับอาการปวดศีรษะที่เป็นผลกระทบจากการหยุดกินยาบางอย่าง อาการปวดศีรษะที่เป็นผลกระทบหลังจากหยุดยานั้น อาจเป็นได้ในผู้ที่ใช้ยาแอสไพริน หรือยาแก้ปวดพื้นฐานบางชนิด (เช่นพาราเซตตามอล หรือไอบูโพรเฟน) สำหรับอาการปวดศีรษะมากกว่า 15 วันต่อเดือน และสามารถเกิดได้ในผู้ที่ใช้ยาแก้ปวดประเภทสารเสพติด (เช่น codeine) ยาที่มีส่วนผสมของยาแก้ปวดมากกว่าหนึ่งอย่าง หรือยากลุ่ม “triptan” (เช่น almotriptan, rizatripan, sumatriptan) ) มากกว่า 10 วันต่อเดือน บางครั้งอาการปวดศีรษะเหล่านี้อาจเรียกว่า อาการปวดศีรษะที่เกิดจากยา ซึ่งยาเหล่านี้มักจะมีผลดีในระยะสั้น แต่หลังจากหยุดยาอาการปวดจะกลับมาใหม่อย่างรุนแรงกว่าเดิม ดังนั้นหากคุณหายามากินเพื่อแก้อาการปวด วงจรที่ย่ำแย่นี้ก็มักจะตามมาเสมอ สุดท้ายก็จะจบลงที่อาการปวดศีรษะตื้อๆ ลักษณะเป็นทั้งสองข้างของศีรษะ ซึ่งมักจะปวดมากขึ้นเมื่อยาหมดฤทธิ์ หากคุณคิดว่าคุณมีอาการปวดศีรษะที่เป็นผลกระทบหลังจากหยุดยา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
การศึกษาระยะยาวชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงที่เป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้นด้วย แต่ไมเกรนมักเป็นในคนอายุน้อย ซึ่งคนกลุ่มนี้ก็มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้น้อยเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาหาความสัมพันธ์ของโรคไมเกรนกับโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มเติมต่อไป
Credit: medicthai.com
สอบถามเพิ่มเติมที่ร้านขายยา
 — ที่ ร้านยา บางบอน 5 เภสัช

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ตกขาว

ตกขาว

เป็นภาวะที่มีสารคัดหลั่งสีขาวออกมาจากช่องคลอด ซึ่งอาจเหนียวข้นหรือมีกลิ่นเหม็นได้หากมีภาวะติดเชื้อในช่องคลอด มี 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ ตกขาวแบบปกติ และตกขาวแบบเป็นโรค

ตกขาวปกติ

การตกขาวแบบนี้ไม่น่าเป็นกังวลแต่อย่างใดและพบได้ในภาวะเหล่านี้
  • พบได้ในเด็กทารกหลังคลอดไม่เกิน 1 สัปดาห์ เนื่องจากการได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากมารดา
  • ในเด็กหญิงที่เข้าวัยเจริญพันธุ์เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • ในผู้หญิงช่วงที่มีการตกไข่และการตั้งครรภ์ช่วงแรก
  • เมื่อมีการตื่นตัวทางเพศ

ตกขาวแบบเป็นโรค มีสาเหตุมาจาก

  • สุขภาพที่ไม่ดี หรือภาวะขาดสารอาหาร
  • มีความผิดปกติในระบบสืบพันธุ์
  • สภาวะทางจิตใจ

สาเหตุการตกขาว

นอกจากการติดเชื้อแล้ว ความผิดปกติของฮอร์โมนหรือการเผาผลาญของร่างกายก็อาจก่อให้เกิดภาวะนี้ด้วย ในศาสตร์อายุรเวท ถือว่าการตกขาวเป็นผลมาจากธาตุดินและธาตุน้ำ (กผะ) เสื่อม จึงมักพบในผู้หญิงที่มีร่างกายอ่อนแอและโลหิตจาง นอกจากนี้ การตกขาวยังสามารถเกิดจากการอักเสบของมดลูกหลังจากการคลอด  มีการเคลื่อนของมดลูก หรือหนองใน ในผู้หญิงอายุน้อย อาจเกิดจากพยาธิเส้นด้าย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายอ่อนแอร่วมกับการไม่รักษาความสะอาดหรือติดเชื้อ ตกขาวยังสามารถเกิดจากช่วงรอบเดือนในผู้หญิงอายุน้อย เนื่องจากเยื่อบุของระบบสืบพันธุ์มีการหนาตัวขึ้นในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงประมาณสี่สิบกว่าปี บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อตามมาหลังคลอดบุตรเนื่องจากมีความเสียหายบริเวณปากมดลูกในระหว่างการคลอดบุตร

อาการตกขาว

สารคัดหลั่งมักเป็นสีขาว ซึ่งเมื่อหลั่งออกมาแล้วอาจทำให้กางเกงในแข็งขึ้น หรือมีรอยจางๆเหมือนแป้งขาวหรือเป็นขุยได้ ส่วนใหญ่สารคัดหลั่งเหล่านี้มักออกมาจากโพรงมดลูกหรือช่องคลอด ลักษณะเป็นของเหลวใสๆ ถ้าเกิดจากมดลูกมักออกมาจากโพรงมดลูก ในผู้หญิงบางคน อาจมีตกขาวตั้งแต่ 8-10 วันก่อนประจำเดือนจะมาและหายไปในวันแรกที่ประจำเดือนมา แต่ในบางคนอาจเริ่มมีตกขาวช่วงหลังจากประจำเดือนหยุดไปในแต่ละเดือนได้
นอกจากสารคัดหลั่งสีขาวออกมาจากช่องคลอดแล้ว บางครั้งยังมีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยหลังส่วนล่างและน่องร่วมด้วย หรืออาจมีอาการปวดแสบปวดร้อนร่วมกับท้องผูกด้วย พบว่าการตกขาวมีความสัมพันธ์โดยตรงกับพื้นฐานทางระบบประสาทของร่างกายแต่ละคน ผู้ป่วยบางคนอาจมีใต้ตาคล้ำขึ้น และการนอนดึกจะกระตุ้นให้เป็นมากขึ้น

การรักษาอาการตกขาว

สูตรยาพื้นบ้าน

ต้องมีการวินิจฉัยโรคให้ถูกต้องและกำจัดสาเหตุออกไป นอกจากยาที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ การสวนล้างช่องคลอดด้วยยาต้มจากเปลือกต้นไทรหรือต้นฟิกก็สามารถช่วยได้ โดยนำผงที่ได้จากเปลือกของต้นไทรและต้นฟิกอย่างละหนึ่งช้อนโต๊ะมาต้มในน้ำหนึ่งลิตรจนกระทั่งน้ำงวดไปเหลือครึ่งหนึ่งจะได้เป็นยาต้มเมื่อนำมาใช้สวนล้างช่องคลอดจะช่วยให้ช่องคลอดสะอาดและมีสุขภาพดี
เมล็ดผักชี: เป็นสูตรพื้นบ้านที่ใช้ในกรณีนี้ ทำโดยการนำเมล็ดผักชีแห้งประมาณ 10 กรัมมาแช่ในน้ำเปล่า 100 ซีซีทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วนำน้ำที่ได้จากการแช่มาดื่มตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ส่วนใหญ่จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ภายใน 7-8 วัน
เมล็ดลูกซัด: เมล็ดลูกซัดก็สามารถนำมาใช้รักษาอาการตกขาวได้ โดยควรนำมากินในรูปแบบชา หรือนำมาสวนล้างช่องคลอด กรณีที่จะนำมาสวนล้างช่องคลอดนั้นควรมีความเข้มข้นมากกว่าชากิน ทำได้โดยนำเมล็ดลูกชัดสองช้อนโต๊ะมาใส่ในน้ำเย็นหนึ่งลิตรมาเคี่ยวโดยใช้ไฟอ่อนๆประมาณครึ่งชั่วโมง ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำมาสวนล้างช่องคลอด

การรักษาแบบอายุรเวท

  • พุชยานัก เชอร์นา (Pushyanug Churna ) ครั้งละ 5-10 กรัม วันละ 2 ครั้ง
  • พาทรางกาสาวา (Patrangasava)  ครั้งละ 15-30 ซีซี วันละ 2 ครั้งหลังอาหาร
  • จันทราประภาวาตี (Chandraprabhavati) ครั้งละ 2 เม็ด เช้า เย็น กินพร้อมนม 1 แก้ว
  • มะขามป้อมอินเดียแห้ง และชะเอมเทศแบบผงอย่างละหนึ่งส่วนผสมกับน้ำผึ้งสามส่วนนำมาดื่มก็เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคนี้อย่างหนึ่ง
  • ประดรังตาคลัว(Pradrantak lauh) ครั้งละ 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง กินพร้อมกับน้ำผึ้ง
ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอดและเผ็ด ควรแนะนำให้ผู้ป่วยเคี้ยวหมากหลังอาหารเนื่องจากมีผลช่วยรักษาและป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ การนั่งแช่สะโพกในน้ำเย็นวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที จะช่วยลดการคั่งของสารน้ำบริเวณเชิงกรานและช่วยให้ขจัดสารอันตรายต่างๆออกมาได้ดีขึ้น
Credit: medicthai.com
สอบถามเพิ่มเติมที่ร้านขายยา