ดูแลสุขภาพในหน้าหนาว
มีโรคใดบ้างที่พบบ่อยในฤดูหนาวในช่วงฤดูหนาว
เราอาจเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส
บางคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่เดิม โดยเฉพาะแพ้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้าน เช่น
ขนของสัตว์เลื้ยง ตัวไรในฝุ่นก็อาจมีอาการแพ้มากขึ้น โดยอาจมีอาการจาม น้ำ มูกไหล
หรือบางคนที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรังอยู่ก่อนแล้วก็อาจมีอาการหอบมากขึ้นได้โดยเฉพาะถ้าติดไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย
นอกจากนั้น ปัญหาเรื่องผิวหนังก็เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย เช่น ผิวแห้งคัน
หลังอาบน้ำ
ซึ่งพบบ่อยมากในผู้สูงอายุซึ่งมีไขมันใต้ผิวหนังน้อยและต่อมไขมันก็ทำงานลดลงตามอายุหรือคนที่ผิวแห้งอยู่เดิมก็อาจคันมากหรือผิวลอกไปเลย
บางรายที่เป็นผื่นผิวหนังแพ้อากาศเย็นก็อาจทำให้มีผื่น
แพ้อากาศเกิดขึ้นได้ในช่วงนี้
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพ
ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งติดต่อได้ทางระบบหายใจ
เช่น ไอจาม ทำให้เชื้อโรคกระจายออกมาในอากาศ หรือจากการที่มีเสมหะ
น้ำลายของผู้ป่วยเปื้อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตูราวบันไดแก้วน้ำ
แล้วมือเราไปสัมผัสมาแล้วเผลอไปจับจมูกจับหน้าของเราทำให้เชื้อโรคเข้าจมูกหรือตาได้
ส่วนอาการโรคภูมิแพ้เกิดจากการที่เรามีโอกาสมากขึ้นในการอยู่ใกล้ชิดกับสิ่งที่เราแพ้เช่น
พอฤดูหนาว เราและสัตว์เลื้ยงอาจอยู่ในบ้านมากขึ้น
ถ้าเราแพ้ขนสัตว์อาจทำให้เรามีอาการมากขึ้นหรือเรานอนมากขึ้นในฤดูหนาวทำให้แพ้ต้วไรในฝุ่นตามที่นอน
หมอน มุ้งมากขึ้น สำหรับอาการผื่นแพ้อากาศเย็นหรือ คันตามผิว คันแห้ง
ลอกนั้นเกิดจากอากาศที่เย็น โดยตรง
โรคที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมากที่สุด
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่พบว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพมากที่สุดในฤดูหนาวเพราะเป็นโรคที่อาจเกิดผลแทรกซ้อนได้และอาจมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากได้โดยเฉพาะถ้ามีการระบาด โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ปีละ 20,000
– 50,000 คน/ปี บางรายเพลียมาก มีไข้สูง
ปวดเมื่อยตามตัวมากจนต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือหยุดงาน
และมีบางรายที่เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอกัเสบ ทำให้ต้องนอนโรงพยาบาล
หรือบางรายถึงแก่ชีวิต ซึ่งมักเป็นผู้ป่วยสูงอายุแต่พบไม่บ่อย
เสียชีวิตปีละไม่กี่รายจากจำนวนคนที่ป่วยหลายหมื่นคน
สำหรับอาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะคล้าย ๆ กับโรคไข้ชนิดอื่น ๆ คือ มีไข้ไอจาม มีน้ำมูกระคายคอแต่ถ้ามีไข้มากหรือปวดเมื่อยตามตัวมากต้องระวังว่า
อาจเป็นไข้หวัดใหญ่ได้โดยโรคนี้พบได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
แต่ถ้าเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืดอยู่เดิม
หรือมีโรคเรื้อรังที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อย ๆ เช่น ไตวาย เบาหวาน
โรคหัวใจและผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่น ได้ยากดภูมิคุ้มกันอยู่อาจมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน
คือ ปอดอักเสบติดเชื้อจากไข้หวัดใหญ่เองหรือจากเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้มาก
วิธีการรักษา
โรคไข้หวัดใหญ่โดยทั่วไปจะหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์
หรือให้การรักษาตามอาการคือช่วงที่มีไข้ก็รับประทานยาลดไข้พาราเซตตามอล เช็ดตัวบ่อย
ๆ พักัผ่อนมาก ๆ ไม่ตรากตรำทำงานหนัก ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ ถ้า้สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า้อยู่ก็งด
และรับประทานยาลดอาการต่าง ๆ เช่น ถ้าไอก็รับประทานยาแก้ไอ มีน้ำมูกก็รับประทานยาลดน้ำมูก
เป็นต้น ในเด็กควรหลีกเลี่ยงการับประทานยาลดไข้แอสไพริน เนื่องจากอาจเกิดตับวายและสมองอักเสบได้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมากเช่น
หอบเหนื่อย ซึมโดยเฉพาะในผู้สูงอายุซึ่งอาจมีไข้อ่อนเพลียโดยอาการไม่ชัดแล้วมีอาการซึมสับสน
ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลงอาจต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด
ซึ่งอาการดังกล่าวจะพบเป็นส่วนน้อย สำหรับยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะมักไม่ต้องใช้เพราะโรคจะหายได้เอง
จึงใช้เฉพาะในรายที่อาการรุนแรงเท่านั้น
ควรดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวอย่างไร
การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะถ้าสุขภาพดีจะลดโอกาสการเจ็บป่วยลง
โดยทั่วไปควร
ปฏิบัติดังนี้
1. รักษาสุขภาพใหแ้ข็งแรงอยู่เู่สมอโดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอและครบหมู่ดื่มน้ำมาก
ๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เ้พียงพอไม่ตรากตรำทำงานหนักจนเกินไป
2. อยู่ใู่นที่ที่มีอากาศถ่ายเท
ไม่เข้า้ไปในที่แออัดโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่
3. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ดื่มสุรา
และยาเสพติดต่าง ๆ เนื่องจากอาจทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมโทรมมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
4. หลีกเลี่ยงการอยู่ใู่กล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดอยู่
และไม่ควรใช้ของร่วมกัน เช่น ผ้า้เช็ดหน้า
แก้วน้ำ จาน ชามช้อน
5. ล้างมือบ่อย ๆ เนื่องจากอาจไปสัมผัสเชื้อโรคที่อยู่ตามสิ่งของต่าง
ๆ เช่น ราวบันได ลูกบิดประตู แก้วน้ำ เป็นต้น แล้วเผลอไปสัมผัส บริเวณหน้าได้โดยล้า้งมือด้วยสบู่ธรรมดา
15-20 วินาทีหรือใช้น้ำยาล้า้งมืออื่น ๆ
6.
รักษาร่างกายให้อบอุ่นในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง
ในที่ที่หนาวมากควรสวมหมวกเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย
7. หากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ควรมีผา้ปิดปากและจมูกเวลาไอจาม
ไม่คลุกคลีกับผู้อื่นและหมั่นล้า้งมือบ่อย ๆ
8. สำหรับปัญหาเรื่องผิวหนัง
เราควรให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ใส่เส้ือผ้า้หนา ๆ ถ้า้อากาศหนาวมากไม่อาบน้ำนาน
ๆ ในที่ที่หนาวมาก อาจไม่ต้องอาบน้ วันละสองครั้งเหมือนฤดูอื่นหลังอาบน้ำ ควรทาโลชั่น
หรือน้ำมันทาผิว หลังจากเช็ดตัวหมาด ๆ ในกรณีที่มีปัญหาริมฝีปากแตกควรทาดว้ยลิปสติกมันและไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อย
ที่มาบทความ: อ.นพ.วีระศักดิ์ เมืองไพศาล Faculty of
MedicineSiriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
รูปภาพ:
สอบถามเพิ่มเติมที่ร้านขายยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น